ระบบการขนของและขนส่งสินค้า

ในภาคอุตสาหกรรมนั้นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีผลต่อความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จของธุรกิจ คือเรื่องของระบบการขนส่ง ซึ่งปัจจุบันระบบการขนส่งสามารถจำแนกออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ได้แก่

1. ระบบการขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)

การขนส่งประเภทนี้นิยมใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โครงสร้างพื้นฐานหลักๆ ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ ท่าอากาศยาน เป็นการขนส่งที่สะดวกและมีความปลอดภัยสูงมาก แต่เหมาะกับสินค้าประเภทที่ค่อนข้างเสียหายง่าย หมดอายุเร็ว และไม่เหมาะกับสินค้าประเภทใหญ่หรือมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น และมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดสินค้า เรื่องของงานด้านเอกสารที่ต้องทำมากมายก่อนจะเข้าสู่กระบวนการขนส่งเพื่อประเด็นเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของท่าอากาศยาน

การขนส่งของทางอากาศ

2. ระบบการขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation)

การขนส่งประเภทนี้สามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ

2.1 ผ่านทางรถยนต์ (Motor Transportation) หรือรถบรรทุก (Truck Transportation)

ประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด มักใช้ในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือปานกลาง เป็นสิ่งที่สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญยังสามารถขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ เป็นการขนส่งที่ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง มีความปลอดภัยน้อย เนื่องจากในการขนส่งอาจมีเรื่องของอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้บ่อย และที่สำคัญไม่สามารถที่จะกำหนดในเรื่องของเวลาได้อย่างชัดเจน เพราะอาจมีเรื่องของสภาพการจราจรและสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดความล่าช้าตามมาได้

รถบรรทุกของ

2.2 ผ่านทางรถไฟ (Railroads)

การขนส่งประเภทนี้ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง และเป็นการขนส่งที่เหมาะต่อการขนส่งสินค้าประเภทหนัก จำนวนมาก และเน้นไปที่ระยะทางไกล การขนส่งแบบนี้มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงมาก และระยะเวลาในการขนส่งค่อนข้างมีความชัดเจน และตรงเวลามากกว่าแบบรถยนต์

Cargo Train ในยุโรป

3. ระบบการขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)

การขนส่งประเภทนี้เป็นการขนส่งที่ต้องอาศัยเส้นทางแม่น้ำ หรือคลองในประเทศ นิยมใช้เพื่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ขนส่งสินค้าที่มีลักษณะใหญ่และจำนวนมาก เป็นสินค้าที่ค่อนข้างเกิดความเสียหายได้ยากกว่าแบบอื่น ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการขนส่งประเภทอื่น ในเรื่องของเวลาการขนส่งไม่สามารถที่จะกำหนดได้อย่างแน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับเรื่องของสภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศ

เนื่องจากการขนส่งทางเรือโดยมากมันจะเป็นการขนสินค้าท่ีมีน้ำหนักมาก จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เครื่องจักรขนาดใหญ่ในการขนขึ้นเรือ เช่น ลิฟท์หรือเครนยกของ โดยยกขึ้นหรือลงจากท่าขึ้นไปยังเรือที่จอดเทียบเท่า

เรือขนส่งสินค้า

4. ระบบการขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)

การขนส่งประเภทนี้จะเป็นการอาศัยของเหลว ก๊าซผ่านทางระบบสายท่อ การขนส่งจะค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบอื่นอย่างมาก เนื่องจากจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้เรื่องของการเคลื่อนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เส้นทางอาจมีได้ทั้งบนพื้นดิน หรือใต้ดิน/น้ำ สามารถกำหนดระยะเวลาในการขนส่งได้อย่างชัดเจน ใช้บุคลากรน้อยกว่ารูปแบบอื่น โอกาสในการที่สินค้าจะสูญหายมีน้อยมาก ค่อนข้างประหยัดค่าใช้จ่าย แต่สำหรับในช่วงเริ่มแรกค่าใช้จ่ายจะสูงมาก (ไม่เป็นที่นิยมในการขนส่งภายในประเทศที่มีโอกาสเกิดเรื่องของแผ่นดินไหวเป็นประจำ)

Pipeline Transportation

5. ระบบการขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)

การขนส่งประเภทนี้จะเป็นการขนส่งโดยการนำเอาสินค้าบรรจุเข้าไปในตู้ขนาดใหญ่ สามารถขนผ่านได้ทุกช่องทางตามที่ต้องการ ไม่มีการถ่ายเทสินค้าออกจนกว่าจะถึงที่หมายปลายทางที่กำหนด สำหรับการขนส่งประเภทนี้มีความทนทานต่อเรื่องของสภาพภูมิอากาศสูงมาก และที่สำคัญยังสามารถป้องกันการเกิดความเสียหายต่อสินค้าได้ดี

ตู้คอนเทนเนอร์ (Container)